ใครอยากกลับบ้านเที่ยวบินส่งคนไทยกลับบ้าน (Repatriation flight) ช่วง COVID-19 ไม่ยากเลยค่ะ มาดูกัน 



อาศัยอยู่ต่างประเทศ หรือบังเอิญไปทำงาน ไปเที่ยว หรืออะไรก็ตาม พอเกิด COVID-19 มีปิดประเทศ ที่นี้ก็ไปกันต่อไม่ถูกเลยค่ะ Commercial flight ที่จองก็ไม่บิน ยกเลิกอีก ออยเองเป็นคนนึงที่มาทำธุระครอบครัวตอนต้นปี แล้วก็ดันติดปัญหานี้พอดีค่ะ แต่ ณ วันที่เขียน Blog นี้ออยบินกลับมาถึงเมืองไทยแล้ว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยใจดีมีจัด Repatriation flight ให้พาคนไทยกลับบ้านจากต่างแดน
แต่…เอ…จะเริ่มยังไง???
เริ่มจากการที่เราต้องไปลงทะเบียน ในการลงทะเบียน จะมีถามคำถามจิปาถะ แล้วชื่อเราก็จะไปอยู่ในระบบคนที่ขอกลับเมืองไทยใน Repatriation flight เค้าจะมีเรียงลำดับความสำคัญอยู่
ทุกคนที่จะกลับต้องลงทะเบียนเอง ถึงมีลูก พ่อแม่ก็ต้องทำแทนให้ด้วย เพื่อชื่อจะได้ลงไปอยู่ในฐานข้อมูล ตอนแรกเรานึกว่าทำแทนกันได้ ปรากฏเสียเวลา เพราะมารู้ทีหลัง คนไม่ลงจะจองตั๋ว Repatriation flight ไม่ได้ งานนี้โชคดีมากที่บิลลี่เป็นคนไทย เอกสารการเตรียมจึงไม่ยาก
อันนี้ลิ้งค์ที่ไปดูข้อมูลทั้งหมด
https://thaiembdc.org/th/notification/ (อันนี้มีลิงค์ไปว่าของคนไทย หรือต่างชาติ)
https://thaiembdc.org/th/infoforthais… (อันนี้ของคนไทยต่อมาจากลิ้งค์แรก มีลิสขั้นตอนไว้ให้แล้ว)
ลงทะเบียนเสร็จ ก็รอกงสุลส่งอีเมล์มาหาเรา ว่าเราได้สิทธิ์กลับแล้วนะ เค้าจะส่งข้อมูลสายการบินมาให้เราว่าเดือนนั้นมีวันไหน สายการบินอะไร แล้วเราก็จองตั๋วผ่านคนติดต่อที่กงสุลให้ไว้ในอีเมล์ หลังจากนั้น เมื่อได้ตั๋ว เราก็ติดต่อหาที่พัก (ถ้าเราจะไม่พักของรัฐ)
อันนี้รายชื่อโรงแรงทางเลือก
ได้ทุกอย่างแล้ว เราก็ไปกดยืนยันสิทธิ์ในอีเมล์ที่เราได้ เค้าจะให้เราโหลดเอกสารทั้งหลาย ทั้งตั๋ว ใบยินยอมกักตัว passport และอื่นๆ แล้วเราก็รอเค้าส่ง ใบรับรองการเดินทาง มาให้เรา พอใกล้ๆวัน จะมีคนโทรมาย้ำเราด้วยว่า เราต้องเอาอะไรไปสนามบิน ซึ่งก็คือ
– Passport
– ใบรับรองการเดินทาง
– ใบยินยอมกักตัว
– Fit to fly (Fit to fly ก็ต้องไปหาหมอตรวจ และได้ฟอร์มนี้มาใน 72 ชม.ก่อนจะเดินทาง)

ใกล้เวลาเช็คอิน เจ้าหน้าที่กงสุลมาเดินถามหาคนไทย แล้วก็แจ้งให้เราไปเช็คเอกสารก่อนจะเช็คอินจริง ได้ชุดหน้ากาก แอลกอฮอลล์ กับ ข้าวเหนียวหมูทอดมาประทังท้องด้วย กลับได้ง่าย ไม่ยากอย่างที่กลัวนะคะ แค่ตอนเดินทางก็ระวังตัวกันให้มากๆ พอละคะ สายการบินจะบังคับให้ทุกคนใส่หน้ากาก และ face shield ตลอดการเดินทางเลยค่ะ
พอลงจากเครื่อง ออกมาที่โถงทางเดินจะมีเจ้าหน้าที่รออยู่ เก้าอี้วางเรียง เค้าจะตรวจเอกสารทุกอย่าง แล้วแยกนั่งคนที่จองรร.ทางเลือก (ASQ) กับไม่จอง แล้วทะยอยเรียกไปสอบถามอาการต่างๆ วัดไข้ ใครมีโรคประจำตัว จะโดนแยกไปตรวจก่อนด้วย แล้วก็ให้ไปต่อแถวอีก ถามเหมือนเดิมสองรอบ แอบงง แล้วก็มานั่งรอนิดนึง เพราะเค้าจะนับหัว พาเดินเป็นกลุ่ม หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรละ รอผ่านตม. รับกระเป๋า ใครไปของรัฐก็มีรถบัสมารอรับเลย ส่วนเราไปทางเลือกก็นั่งรถตู้โรงแรมไป
*** เคสออยคือ คนไทยทั้งสามี ภรรยา (สามีมีสองพาสปอร์ต) นอนพักด้วยกันที่ ASQ นะคะ เคสต่างชาติ หรืออาจจะมีเคสอื่นที่ต่างไปจากนี้ค่ะ ที่แน่ๆ เคสต่างชาติขอเอกสารเยอะกว่าของคนไทย ***
ในส่วนของเรื่องที่พัก
- ของรัฐฟรี ไม่ต้องจ่ายเงิน และพักในรร. แต่แค่อาจจะไม่ทราบว่าไปนอน
ที่ไหน - ของทางเลือกเอกชน ASQ มีหลายแบบ หลายราคา
ของรัฐเข้าใจว่ากักตัวแยกหม
ปล. ส่วนตัวคิดว่า ถ้าเราเดินทางคนเดียว ไปอยู่ของรัฐก็ได้นะ ไม่ลำบาก มีพื้นที่ของตัวเองคนเดียว
- ตรวจวัดไข้วันละสองรอบ เช้า-บ่าย
- ตรวจ COVID วันที่ 3-5, 11-13 ของการอยู่ รู้ผลวันรุ่งขึ้น ถ้าเราผ่านเทสรอบแรก เราจะสามารถออกไปนอกห้องในพื้นที่ที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ ได้วันละชั่วโมงครึ่ง และพอผ่านรอบสองก็จะไปใช้พื้นที่ได้มากขึ้นกว่าเดิม ลงไปทานอาหารข้างล่างได้ เข้าใจว่าของรัฐ จะไม่มีออกไปข้างนอกเลยนะคะ
- ห้ามดื่ม alcohol ขณะกักตัว ห้ามสั่งอาหารมาส่ง แต่สามารถให้คนรู้จักมาส่งข
องได้ (ยกเว้น alcohol บุหรี่ อาวุธ ) พอเราตรวจครบสองรอบ เค้าก็จะออกใบรับรองให้ว่าเราไม่ติด COVID-19
ตอนนี้ออยผ่านสองรอบแล้วค่ะ รอกักตัวให้ครบ 14 วันแล้วก็ได้กลับบ้านแล้ว!!!
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ต้องการกลับบ้าน ยังไงก็หวังว่าจะมีประโยชน์ ไม่มากก็น้อยนะคะ
มีอะไรสอบถามมาได้ค่ะ ยินดีตอบเท่าที่ทราบเลยค่ะ